ความรู้ที่ได้รับ
เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ (Children
with Behavioral and Emotional Disorders) หมายถึง
เด็กที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม (ต่อต้านตนเองหรือผู้อื่น)
หรือมีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ
(แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ)
ออกมาอย่างเนื่องจนถึงระดับที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษาของเด็กไม่ว่าจะเพียงลักษณะเดียว
หรือหลายลักษณะร่วมกันก็ได้ เช่น มีความยากลำบากในการเรียน
ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางด้านสติปัญญา ประสาทสัมผัส หรือสุขภาพ
มีความยากลำบากในการสร้างหรือคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนและครู
แสดงออกถึงภาวะความเครียดและไม่มีความสุขอย่างเป็นปกติ
มีแนวโน้มของอาการทางสุขภาพร่างกาย
หรือความกลัวอันเป็นผลของปัญหาที่เกิดกับตัวเด็กเองหรือปัญหาที่เกิดในโรงเรียน
ซึ่งปัจจุบันมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับปัญหาความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ของลูกครั้งแล้วครั้งเล่า
ซึ่งปัญหาเหล่านั้น ส่วนใหญ่สามารถได้รับการช่วยเหลือหรือแก้ไขได้
หากเด็กได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม
ปัญหาของเด็กในบางกรณีอาจจะมีความรุนแรง ซึ่งเป็นสัญญาณของปัญหาสำคัญที่เด็กกำลังเผชิญอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากปัญหาความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กเรื้อรังติดต่อกันเป็นเวลานานจนกระทั่งเด็กโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ผลเสียที่ตามมาอาจลุกลามไปถึงการสูญเสียของชีวิตก็เป็นได้
ความพิการซ้อน (Multiple Disabilities) หมายถึง ความบกพร่องร่วมกันมากกว่า 1 ลักษณะที่เกิดขึ้นต่อบุคคล
(Simultaneous impairments) อาทิเช่น
บกพร่องทางสติปัญญาร่วมกับตาบอด
หรือบกพร่องทางสติปัญญาร่วมกับความผิดปกติของกระดูกและกล้ามเนื้อโดยปกติแล้ว
สำหรับเด็ก ความซ้ำซ้อนเหล่านี้มักก่อให้เกิดปัญหาในการเรียนรู้ เนื่องจากเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาพิเศษที่เหมาะสมต่อความบกพร่องทางใดทางหนึ่งเพียงอย่างเดียวได้เด็กพิการซ้อนมักมีปัญหาความผิดปกติที่หลากหลาย
ซึ่งมักได้แก่ การพูด การเคลื่อนไหวร่างกาย การเรียนรู้ การมองเห็น การได้ยิน
ความบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น นอกจากนี้
เด็กยังอาจมีภาวะสูญเสียการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (Sensory Losses) รวมทั้งมีปัญหาด้านพฤติกรรมและสังคมเด็กพิการซ้อนแต่ละราย
จะมีความแตกต่างกันทางลักษณะและระดับความรุนแรงของอาการ
เด็กกลุ่มนี้มักมีความบกพร่องทางการได้ยินและมีปัญหาในการประมวลผลของสิ่งที่ได้ยิน
รวมถึงมีข้อจำกัดในการพูด การเคลื่อนไหวของร่างกาย
เด็กอาจมีความลำบากในการปฏิบัติและจดจำ
อีกทั้งยังไม่สามารถนำทักษะที่มีไปปรับใช้ได้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
เพราะฉะนั้นแล้ว
ความช่วยเหลือและการสนับสนุนเด็กกลุ่มนี้ให้ได้รับโอกาสในการมีชีวิตที่ดี
ซึ่งวิธีการดูแลและรักษาความพิการซ้อนจะแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละราย
โดยพิจารณาจากสาเหตุและลักษณะพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก
สรุปองค์ความรู้ : แผนผังความคิด
บุคลตัวอย่างที่มีความพิการซ้อน
เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller)
ผู้นำสตรีในกลุ่มผู้พิการซ้ำซ้อน
ที่สามารถฝ่าฝันอุปสรรคทางร่างกายทั้ง ตาบอด หูหนวก
และเป็นใบ้ ต่อสู้ชีวิตได้อย่างงดงามวิถีชีวิตของ “เฮเลน เคลเลอร์”ที่พิการซ้ำซ้อน
ทำให้ท่านต้องต่อสู้กับการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างหนักหน่วง
เรื่องที่เป็นปกติธรรมดาของผู้คนที่ปกติ เช่น การฝึกออกเสียง
ฝึกพูด กลับกลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับเธอ“เฮเลน”สามารถเรียนจบวิทยาลัย เมื่อมีอายุ 24 ปี เธอสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 2 โดยเป็นนักศึกษาพิการตาบอดหูหนวก
คนแรกในสหรัฐฯที่เรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยและระยะเวลาทอดยาวนานถึง 50 ปีกว่าจะมีคนพิการที่สำเร็จการศึกษาเป็น คนที่ 2
ความรู้ที่ได้รับ
- เกิดความเข้าใจในธรรมชาติและพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กพิเศษเพิ่มมากขึ้น
- เด็กพิเศษมาหลากหลายประเภทแต่ละประเภทมีกระบวนการเรียนรู้ที่เเตกต่างกัน
- ผู้ปกครองควรมีความรู้และมีจิตใจที่เข้มแข็งในการที่จะเลี้ยงดูเด็กพิเศษ
การประเมิน
ประเมินตนเอง
วันนี้ไม่ค่อยมีสมาธิที่จะเรียนเนื่องจากปวดหัวมาก
แต่ออกมาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ตเพื่อต่อยอดการเรียนรู้ให้มีความต่อเนื่อง
ประเมินเพื่อน
มีความเสนอความคิดเห็นเเละมีการตั้งคำถามในห้องเรียน
ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนมีความสนุกสนาน
ประเมินอาจารย์
อาจารย์มีการยกตัวอย่างพฤติกรรมของเด็กพิเศษให้ดูเป็นตัวอย่างจึงทำให้เข้าใจเนื่้อหามากขึ้น
และใช้คำถามในการกระตุ้นการเรียนรู้ของนักศึกษาได้อย่างสนุกสนาน